แหล่งที่มา https://arab-games.net/archives/464 

ความกตัญญู ในภาษาบาลี เเปลว่า รู้บุญคุณอันท่านกระทำให้แล้ว มักใช้คู่กับคำว่า กตเวที ที่แปลว่า ตอบแทนบุญคุณอันท่านกระทำให้แล้ว รวมเป็นคำว่า กตัญญูกตเวที มีพุทธสุภาษิตบทหนึ่ง กล่าวว่า นิมิตฺตํ สาธุรูปานํ กตัญฺญูกตเวทิตา แปลว่า ความกตัญญูกตเวทีเป็นเครื่องหมายของคนดี และพระพุทธศาสนา ได้จัดให้คนที่มีความกตัญญูกตเวทีเป็นหนึ่งในสองของอรรถบุคคลผู้หาได้ยากสองอย่าง คือ บุพการี ผู้ทำอุปการะก่อน และ กตัญญูกตเวที บุคคลผู้รู้อุปการะและตอบแทน

ในวัฒนธรรมพุทธได้แบ่งบุญคุณของผู้มีอุปการะได้5อย่างด้วยกัน คือ

1.อุปัตติคุณ บุญคุณที่ให้กำเนิด ให้ชีวิตและร่างกาย

2.อุปถัมภคุณ บุญคุณที่เลี้ยงดู ให้ข้าวให้น้ำให้ที่อยู่

3.อารักขคุณ บุญคุณที่เฝ้าปกป้องรักษา ไม่ให้เกิดอันตราย หาหมอยามเจ็บ ห้ามกระทำที่จะทำให้เราเกิดอันตราย และห้ามไม่ให้เราทำสิ่งผิดที่ให้เราเดือดร้อนในภายหลัง

4.สาสคุณ บุญคุณที่ให้การสั่งสอน ให้ความรู้

5.ปิยคุณ บุญคุณที่ให้ความรัก

พ่อแม่จัดว่ามีบุญคุณครบทั้ง5ประการ ส่วนครูอาจารย์จัดว่ามีบุญคุณข้อที่3 ข้อที่4 และข้อที่5

แต่ถ้าบุพพการีไม่มีข้อไหนก็ถือว่าไม่มีข้อนั้น เช่น พ่อแม่ให้กำเนิดแต่ไม่เคยเลี้ยงดูเลย ก็ถือว่ามีแค่ข้อแรกข้อเดียว

หมายเหตุ บุพการีที่แท้จริงคือผู้ที่ทำความดีให้อย่างบริสุทธิ์ใจ โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน แม้ว่าจะไม่ได้ร่ำรวยมีทรัพย์สมบัติให้จำนวนมาก แต่มีความดีให้เป็นปริมาณมหาศาลจนหาอะไรเทียบไม่ได้ นั่นคือบุพการีที่แท้จริง ส่วนผู้กตัญญูที่แท้จริง แม้จะไม่สามารถทำอะไรได้มาก แต่ก็รู้คุณ และพยายามตอบแทนคุณเท่าที่จะสามารถทำได้ สุดความสามารถ อย่างบริสุทธิ์ใจ ก็เป็นบุคคลที่กตัญญูอย่างแท้จริง

ทั้งบุพการี และกตัญญูคุณ แม้ว่าจะไม่ได้มีอำนาจบารมี ทรัพย์สมบัติ ชื่อเสียงหรือความสามารถ แต่ก็ตั้งใจทำดีให้กันและกัน และพยายามทำตนให้เป็นคนดี นั่นแหละถึงเป็นบุคคล 2 ประเภทที่หาได้ยากบนโลก

บุคคลที่มีบุญคุณ แต่ไม่ตั้งตนเป็นคนดี หรือผู้ที่ตอบแทนคุณ แต่ไม่ตั้งตนเป็นคนดี

นั่นยังไม่ถือว่าเป็นคนดีที่แท้จริง